ติดตั้งอินเวอร์เตอร์ไฮบริด 5กิโลวัตต์ 48โวลต์ จังหวัดปราจีนบุรี มีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
1.อินเวอร์เตอร์ไฮบริด 5000วัตต์ 48โวลล์ จำนวน 1 ตัว
Hybrid Inverter มีหน้าที่ในการแปลงพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ มาจ่ายไฟเข้าบ้าน สามารถเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เหมือนปลั๊กไฟบ้านทั่วๆไป
หลักการทำงานของอินเวอร์เตอร์คือ เมื่อมีไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์มากพอที่จะทำให้อินเวอร์เตอร์ทำงานโดยแปลงไฟจากแผงที่เป็นไฟกระแสตรง ก็จะทำการเชื่อมไฟเข้ากับไฟของการไฟฟ้า จ่ายเข้าไปในสายไฟภายในบ้าน ถ้าเมื่อไรที่มีแสงแดดก็จะใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ลดการใช้ไฟจากการไฟฟ้า แต่ถ้าเมื่อไรที่ไม่มีแสงแดด, ฝนตก หรือ แดดไม่ดี อินเวอร์เตอร์ก็จะใช้ไฟจากการไฟฟ้ามาจ่ายแทนอัตโนมัติ ระบบนี้ เหมาะสำหรับบ้านเรือน อาคารสำนักงาน และร้านค้าต่างๆ ที่มีการใช้ไฟในช่วงเวลากลางวัน ตั้งแต่ 08:00 ไปจนถึง 17:00 น. เป็นหลัก เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางผู้ที่ต้องการติดตั้ง ต้องมีพื้นที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ และรู้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันเพื่อออกแบบกำลังการผลิต หาขนาดอินเวอร์เตอร์ และจำนวนแผงโซล่าเซลล์ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยรักษาระดับแรงดันไฟให้มีความเสถียรภาพ และมีความปลอดภัยสูง รวมถึงสามารถแสดงผลการผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ผ่านแอป “PSI Hybrid Energy” บน Smart Phone ได้ด้วย
*เคสนี้ติดตั้งเพิ่มเติมจากครั้งก่อน
วิธีการเดินทาง
เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพมหานคร (89/1 อาคาร sunnergy tower ถนนรัชดา-รามอินทรา คลองกุ่ม บึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230) ไปยังอำเภอจันตคาม
มุ่งหน้าทางทิศตะวันตก ไปตามถนนหมายเลข 350 และถนนหมายเลข 304 เพื่อตัดเข้าสู่ถนนรามอินทรา และสะพานนพรัตนราชธานี และถนนสุวินทวงศ์ จากนั้นขับต่อบนถนนหมายเลข 3481 ผ่านถนนพินิจรังสรรค์ และเข้าสู่ทางหบวงชนบทปราจีนบุรี2033 และทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3452 ถนนหมายเลข 33 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนศิวบูรณ์และถนนเจ้าพระยาบดินทร์ และถนนหมายเลข3078 ก็ถึงจุดหมายในที่สุด รวมระยะทางทั้งสิ้น 117 กิโลเมตร และระยเวลาเดินทางทั้งสิ้น 2ชั่วโมง 5นาที
ติดตั้งอินวอเตอร์ไฮบริด5kwปราจีนบุรี
ประวัติและที่มาของอำเภอจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี
อำเภอประจันตคามเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ระยะห่างจากอำเภไปยังตัวเมืองจังหวัดปราจีนบุรี คือ ประมาณ ๓,๖๐๐ เมตร เดิมมีฐานะเป็นเมืองชื่อบ้านกบและในครอบครัวที่ไทยยกทัพไปปราบเจ้าเมืองเวียงจันทร์และอีกหลากหลายเมืองในภาคอีสานแล้วรวบรวมไพร่พลกวาดต้อนตั้งหมู่บ้านขนาดใหญ่ เรียกว่า เมืองจันตคาม ตามประวัติคือท้าวอุเทนบุตรท้าวสร้อยเพียเมืองแสนเป็นผู้รวบรวมไพร่พลในสมัย ร.6 ต่อมาท้าวทุเทนได้เสียชีวิตเชื้อสายเจ้าเมืองจึงถูกยุบเป็น อ.ประจันตคาม ขึ้นต่อ จ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่ พ.ศ.2448 จนถึงปัจจุบัน
อำเภอจันตคามเป็นที่ราบลุ่มบางแห่งเป็นที่ราบต่ำฤดูฝนน้ำจะท่วม พื้นดินจะเป็นดินปนทรายและจะมีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ราบบริเวณสองฝั่งคลอง เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชระยะสั้น ประชากรในอำเภอจันตคามส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก และมีอาชีพเสริมคือการ ทำเฟอร์นิเจอร์จากล้อเกวียน, ไม้กวาดดอดหญ้า ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอำเภอจันตคามคือ เผือก-ขนมชั้น-เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก
ในปี พ.ศ. 2369ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3แห่งราชวงศ์จักรีเจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมาเมื่อชาวเมืองนครราชสีมาได้รวมกำลังตีกองทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไปแล้วพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯแต่งทัพและให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์)เมื่อครั้งเป็นพระยาราชสุภาวดีเป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อปราบกบฏให้ราบคาบ เมื่อตีเมืองเวียงจันทน์ได้แล้วอพยพครอบครัวลี้พลบางส่วนจากเมืองเวียงจันทน์เมืองมหาชัยกองแก้วเมืองทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงเมืองสกลนครและอีกหลายเมืองในภาคอีสานของไทยมาด้วยท้าวอุเทนบุตรท้าวสร้อยเพียเมืองแสนพร้อมกับท้าวฟองบุตรพระยาชัยสุนทรเจ้าเมืองกาฬสินธุ์และท้าวอินทร์บุตรเจ้าเมืองสกลนครซึ่งคุมกำลังพลเป็นนายกองของทัพหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองส่งไปช่วยรบกับทัพเมืองกรุงได้นำคนที่ถูกอพยพมาตั้งกองรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านใหญ่ในพื้นที่อำเภอประจันตคามในปัจจุบันต่อมาท้าวฟองยกกำลังไพร่พลแยกไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่กบินทร์บุรีท้าวอินทร์ยกกำลังไพร่พลไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่พนัสนิคมฝ่ายท้าวอุเทนได้รวบรวมกำลังไพร่พลไปเลือกที่ตั้งเมืองอีกเช่นกันเลือกทำเลที่เหมาะสมได้ที่ดงยางหรือบ้านเมืองเก่าปัจจุบันตั้งเป็นเมือง เมืองประจันตคามจึงอุบัติขึ้นในปี พ.ศ. 2376 ขณะนั้นเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์)แม่ทัพเห็นว่าบุตรพระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทน)ยังเยาว์นักไม่สามารถจะว่าราชการได้ จึงแต่งตั้งท้าวอินทร์บุตรของพี่สาวพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน)ซึ่งเวลานั้นเป็นหลวงศักดาสำแดง ยกกระบัตรรั้งตำแหน่งเจ้าเมืองท้าวคำ น้องท้าวอินทร์ขณะนั้นเป็นขุนอรัญไพรศรีรั้งตำแหน่งปลัดเมืองควบคุมไพร่พลเมืองประจันตคามทำการรบต่อไปราชการทัพครั้งที่ 2 นี้รบอยู่ประมาณ 6 ปีจึงมีชัยชนะต่อข้าศึกญวนเมื่อเสร็จศึกสงครามกลับมาแล้วหลวงศักดาสำแดง(ท้าวอินทร์)ผู้รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองประจันตคามได้รับบำเหน็จความชอบในที่รบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระภักดีเดชะ (ท้าวอินทร์)เจ้าเมืองประจันตคามสืบต่อเป็นท่านที่ 2ขุนอรัญไพรศรีผู้น้องเจ้าเมืองคนใหม่เป็นหลวงสุรฤทธาปลัดเมือง ส่วนท้าวโทบุตรเจ้าเมืองคนแรกซึ่งเสียชีวิตในที่รบมีอายุและความสามารถพอจะรับราชการได้จึงได้รับบำเหน็จตกทอดจากบิดาให้เป็นขุนอรัญไพรศรีซึ่งในระยะต่อมาภายหลังได้เลื่อนเป็นหลวงศักดาสำแดงยกกระบัตรพร้อมกับท้าวสุวรรณบุตรท้าวสุโทหลานพี่สาวท้าวอุเทนได้เป็นหลวงศรีวิเศษผู้ช่วยราชการขวาพระภักดีเดชะ (ท้าวอินทร์)เจ้าเมืองคนที่ 2ว่าราชการเมืองอยู่นานถึง 44 ปีก็สิ้นชีพตักษัย หลวงสุรฤทธา (ท้าวคำ)ปลัดเมืองน้องชายเจ้าเมืองคนที่ 2ได้เลื่อนเป็นพระภักดีเดชะเจ้าเมืองคนที่ 3หลวงศักดาสำแดง (ท้าวโท)เป็นหลวงสุรฤทธาปลัดเมืองพระภักดีเดชะ(ท้าวคำ)เป็นเจ้าเมืองคนที่ 3เมื่ออายุมากแล้วว่าราชการอยู่ได้เพียง 6 ปีก็สิ้นชีพตักษัย หลวงศรีวิเศษ (ท้าวสุวรรณ)ผู้ช่วยราชการขวาได้เป็นพระภักดีเดชะเจ้าเมืองประจันตคามคนที่ 4ส่วนหลวงสุรฤทธา (ท้าวโท)ปลัดเมืองบุตรพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน)เจ้าเมืองคนแรกเป็นง่อยไม่สามารถรับราชการได้ขอลาออกจึงให้ท้าวพรหมาบุตรคนที่ 1ของเจ้าเมืองคนเดิมเป็นขุนคลังขึ้นเป็นหลวงสุรฤทธาปลัดเมืองแทนพระภักดีเดชะ(ท้าวสุวรรณ)ว่าราชการอยู่ 13 ปีก็สิ้นชีพตักษัย ต่อจากนั้นมาในสมัยรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5แห่งราชวงศ์จักรีกำลังทรงดำริปฎิรูปการปกครองหัวเมืองจะทรงยุบหัวเมืองเล็กเช่นเมืองประจันตคามเมืองกบินทร์บุรีลงเป็นอำเภอจึงยังไม่ตั้งเจ้าเมืองอีกแต่ให้หลวงสุรฤทธา (ท้าวพรหมา)ปลัดเมืองรั้งราชการอยู่ 3 ปีก็ถึงคราวยุบเมืองประจันตคามลงเป็นอำเภอเรียกว่าอำเภอประจันตคามในปี พ.ศ. 2448รวมระยะเวลาก่อตั้งเป็นเมืองประจันตคามอยู่ 72 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.gotoknow.org/posts/592309
https://deksakon.com/prachinburi/6232.html